ในวันที่ประกาศเป็นทางการว่าจะต้องพาลูกน้องไปรบ ผู้พันมัวร์ ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าทุก ๆ คนที่มีใจความกินใจอยู่ประโยคหนึ่งว่า… “ผมรับปากไม่ได้ ว่าจะพาทุกคนรอดตายกลับมา แต่ผมสาบานว่า เมื่อเราก้าวเข้าสู่สนามรบ ผมจะเป็นคนแรกที่เหยียบเท้าลงบนสมรภูมิ และจะเป็นคนสุดท้าย ที่จะก้าวออกมา และผมจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราจะกลับบ้านด้วยกัน ไม่ว่าเป็น…หรือตาย”
ทันทีที่ก้าวแรกของผู้พันมัวร์ที่นำลูกน้องลงสู่สนามรบ จากความใหม่ต่อสงครามของทหารหนุ่มที่ฮึกเหิม ทำให้หมวดทหารชุดแรกต้องติดกับที่เวียดนามเหนือล่อเอาไว้ในทันที และกว่าจะเข้าไปช่วยตีออกมาได้ดูเหมือนจะเหลือนายสิบกับพลทหารอยู่แค่ 2 คนเท่านั้นเอง การรบดำเนินอยู่เพียงแค่ 3 วันเองครับ ด้วยกำลังสนับสนุนทางอากาศและจากอำนาจการยิงของปืนใหญ่ ทำให้เวียดนามเหนือเสียชีวิตไปถึง 1,800 คนและพ่ายศึกครั้งนี้ไปในที่สุด แต่ก็แลกมาด้วยการสูญเสียของฝ่ายกองร้อยของมัวร์อย่างมากมายเช่นเดียวกัน
เมื่อทหารของฝ่ายเวียดนามได้ปิดล้อมทหารอเมิกันผู้พันมัวร์ได้ติดต่อสื่อสารขอความช่วยเหลือทางอากาศโดยการเร่งด่วนและเกิการผิดพลาดเมื่อเครื่องไอพ่นแบบ เอฟ 100 ซุปเปอร์เซเบอร์ ทิ้งระเบิดผิดตำแหน่ง ทำให้ฝ่ายเดียวกันต้องบาดเจ็บล้มตายอย่างมากมาย
เมื่อถึงจุดสุดท้ายของกองทัพทหารเวียดนามได้ระดมกำลังป้องกันค่ายใหญ่โดยการติดอาวุธหนักเต็มประสิทธิภาพโดยที่ทหารอเมริกันและกองทัพของเขาก็กำลังจะไกล้เข้ามา
สุดท้ายทหารของฝ่ายเวียดนามได้รับความผ่ายเเพ้โดยสหรัฐและได้ย้ายถิ่นฐานออกจากพื้นที่ นายพลคัสเตอร์ได้กล่าวไว้ว่า หน้าสลดใจนี้คือชัยชนะของพวกทหารอเมริกันจุดจบก็จะเเบบเดียวกันยกเว้นแต่จำนวนตัวเลขคนที่จะตายกว่าเราจะชนะ
คำศัพท์ Family=ครอบครัว weapon=อาวุธ General=พลเอก battlefield=สมรภูมิ enemy=ศัตรู company=กองร้อย lose=สูญเสีย brave=กล้าหาร assistant=ผู้ช่วย war=สงคราม victory=ชัยชนะ support=สนับสนุน artillery=ปืนใหญ่ injury=บาดเจ็บ mistake=ผิดพลาด bombard=ทิ้งระเบิด survive=รอดชีวิต helicopter
No comments:
Post a Comment